6 เทคนิคในการเลือกซื้อสายรัดพลาสติก เลือกแบบไหนดี

รวม 6 เทคนิคในการเลือกซื้อสายรัดพลาสติก ให้ตอบโจทย์กับการใช้งานและคุ้มค่ามากที่สุด

สายรัดพลาสติก

ทุกวันนี้ สายรัดพลาสติก เป็นหนึ่งในวัสดุที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการใช้รัดสินค้า เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของสินค้าในขณะขนส่ง ซึ่งสายรัดพลาสติกนั้นก็มีหลากหลายประเภท แตกต่างกันออกไปตามประเภทของวัสดุที่ใช้ในการผลิต ทำให้มีข้อดีและจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ในวันนี้ เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับประเภทของสายรัดพลาสติกที่ได้รับความนิยม ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร พร้อมแนะนำ 6 เทคนิคในการเลือกซื้อสายรัดพลาสติก เลือกแบบไหนดีให้ตอบโจทย์การใช้งาน จะเป็นอย่างไร ไปดูกัน!

แนะนำ 3 ประเภทของสายรัดพลาสติกที่ได้รับความนิยม

สายรัดพลาสติก PP (Polypropylene)
เป็นสายรัดที่ผลิตจากพลาสติก PP ที่มีความหนาแน่นต่ำ ทำให้มีน้ำหนักเบา และทนความร้อนได้สูง ได้รับความนิยมเพราะมีความแข็งแรงในระดับปานกลาง น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับใช้รัดกล่องกระดาษ หรือสินค้าทั่วไปที่มีน้ำหนักไม่มากนัก (ไม่เกิน 50 กก.) สามารถใช้งานกับเครื่องรัดกล่องอัตโนมัติ เครื่องรัดสายรัดพลาสติกแบบมือโยก หรือเครื่องรัดกล่องแบบอื่น ๆ ได้หลากหลาย

สายรัด PET (Polyester)
เป็นสายรัดที่ผลิตจากเม็ดพลาสติก Polyethyene terephthalate ที่มีความแข็งแรง ทนต่อแรงกระแทกได้ดี และมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับใช้ในงานรัดพาเลท หรือสินค้าที่มีน้ำหนักมาก และจำเป็นต้องรัดเป็นเวลานาน เช่น สินค้าขนส่งทางเรือไปต่างประเทศ และสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องมือต่าง ๆ ได้ เช่น เครื่องรัดสายพลาสติกระบบต่าง ๆ หรือเครื่องรัดพลาสติกแบบมือโยก (บางรุ่น)

สายรัดไฮเด็น (High-Density Polyethylene : HDPE)
เป็นสายรัดที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกคุณภาพสูง นิยมใช้งานร่วมกับเครื่องรัดสายรัดพลาสติกแบบโยก มีความหนากว่าสายรัดพลาสติก PP และเหมาะกับการใช้งานในสินค้าทั่วไปหลากหลายประเภท

รวม 6 เทคนิคในการเลือกซื้อสายรัดพลาสติก ให้ตอบโจทย์กับการใช้งานและคุ้มค่ามากที่สุด

การเลือกสายรัดพลาสติกให้เหมาะสมกับการใช้งานเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะสายรัดพลาสติกมีหลากหลายประเภท และแต่ละประเภทมีคุณสมบัติเฉพาะที่ตอบโจทย์การใช้งานแตกต่างกันออกไป ต่อไปเราจะขอแนะนำเทคนิคในการเลือกซื้อสายรัดพลาสติกให้เหมาะสมกับการใช้งาน ดังนี้

พิจารณาน้ำหนักของสินค้า

  • สายรัดพลาสติก PP (Polypropylene) : เหมาะกับการรัดสินค้าที่มีน้ำหนักเบา - ปานกลาง เช่น กล่องกระดาษ
  • สายรัด PET (Polyester) : เหมาะกับการรัดสินค้าที่มีน้ำหนักปานกลาง - หนัก เช่น พาเลทที่มีสินค้าน้ำหนักมาก หรือสินค้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ
  • สายรัดไฮเด็น (High-Density Polyethylene : HDPE) : เหมาะกับการรัดสินค้าที่มีน้ำหนักเบา - ปานกลาง แต่ต้องการความแข็งแรงทนทาน และความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง


ความแข็งแรงทนทานต่อแรงกระแทก

  • สายรัดพลาสติก PP (Polypropylene) : มีความยืดหยุ่นสูง แต่ไม่ทนต่อแรงกระแทกมากนัก
  • สายรัด PET (Polyester) : มีความทนทานต่อแรงกระแทกสูงกว่าและมีการยืดหยุ่นที่ดี
  • สายรัดไฮเด็น (High-Density Polyethylene : HDPE) : มีความทนทานต่อแรงกระแทก และรอยขีดข่วนสูง


สภาพแวดล้อมในการใช้งาน

  • สายรัดพลาสติก PP (Polypropylene) : เหมาะกับการใช้งานภายในอาคาร หรือในที่ที่ไม่มีแสงแดด หรือความชื้นมาก
  • สายรัด PET (Polyester) : เหมาะกับการใช้งานทั้งภายในและภายนอกอาคาร ทนต่อแสงแดดและความชื้นได้ดี
  • สายรัดไฮเด็น (High-Density Polyethylene : HDPE) : ทนทานต่อสภาพอากาศที่หลากหลาย รวมถึงสารเคมีบางชนิด ทำให้เหมาะกับการใช้งานทั้งภายใน และภายนอกอาคาร


ความสะดวกสบายในการใช้งาน

  • สายรัดพลาสติก PP (Polypropylene) : สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องรัดสายอัตโนมัติ หรือกึ่งอัตโนมัติได้
  • สายรัด PET (Polyester) : สามารถใช้มือในการรัด หรือใช้งานร่วมกับเครื่องรัดสายก็ได้
  • สายรัดไฮเด็น (High-Density Polyethylene : HDPE) : สามารถใช้มือรัดได้ หรือใช้เครื่องรัดสายก็ได้


ความคุ้มค่าด้านต้นทุนค่าใช้จ่าย

  • สายรัดพลาสติก PP (Polypropylene) : มีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับสายรัด PET และสายรัดไฮเด็น
  • สายรัด PET (Polyester) : มีราคาสูงกว่าสายรัดพลาสติก PP แต่มีความทนทานและสามารถใช้ซ้ำได้มากกว่า
  • สายรัดไฮเด็น (High-Density Polyethylene : HDPE) : มีราคาปานกลาง แต่มีความทนทานสูง และคุ้มค่ากับการใช้งานในระยะยาว


ความต้องการด้านความปลอดภัย

  • สายรัดพลาสติก PP (Polypropylene) : เหมาะกับสินค้าที่ไม่ต้องการความปลอดภัยสูงมาก
  • สายรัด PET (Polyester) : เหมาะกับสินค้าที่ต้องการความปลอดภัยสูง เนื่องจากมีความทนทาน และไม่ขาดง่าย
  • สายรัดไฮเด็น (High-Density Polyethylene : HDPE) : มีความปลอดภัยสูง ทนทานต่อการเกิดรอยขีดข่วน และทนต่อแรงกระแทกได้ดี


จะเห็นได้ว่า การเลือกสายรัดพลาสติกให้เหมาะสม จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง และลดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายของสินค้าได้ดี โดยเราขอแนะนำตัวอย่างในการใช้งานสั้น ๆ เช่น

  • การรัดกล่องพัสดุ : ใช้สายรัดพลาสติก PP เนื่องจากน้ำหนักเบา และไม่ต้องการความทนทานสูง
  • การรัดพาเลทสินค้าที่มีน้ำหนักมาก : ใช้สายรัด PET เพื่อความแข็งแรงทนทาน และปลอดภัยในการขนส่ง
  • การรัดสินค้าที่ต้องการความทนทานและยืดหยุ่นสูง : ใช้สายรัดไฮเด็น เนื่องจากมีความทนทานต่อแรงกระแทกได้ดี และใช้งานในสภาพอากาศที่หลากหลายได้

ทีเอ็นซี แพ็คกิ้ง โรงงานสายรัดพลาสติกอันดับหนึ่ง จำหน่ายสายรัดพลาสติก และเครื่องรัดกล่องคุณภาพสูง ในราคาที่ดีที่สุด

จะเห็นได้ว่า การเลือกสายรัดพลาสติกนั้นจำเป็นต้องพิจารณา 2 ปัจจัยใหญ่ ๆ นั่นก็คือ ประเภทของบรรจุภัณฑ์ และน้ำหนักของสินค้า เพื่อให้สามารถนำสายรัดพลาสติกมาใช้งานให้เหมาะสมมากที่สุด ซึ่งในส่วนของราคาเองก็สำคัญ เพราะเป็นส่วนช่วยในการลดต้นทุนการผลิตได้อย่างดี แต่ก็อย่าลืมดูเรื่องของคุณภาพที่เหมาะสมกับการใช้งานด้วย ถ้าหากเพื่อน ๆ ยังคงลังเล หรือไม่มั่นใจว่า ควรจะเลือกซื้อสายรัดพลาสติกแบบไหนมาใช้งานดี สามารถเข้ามาปรึกษาเราได้เลยที่ ทีเอ็นซี แพ็คกิ้ง โรงงานสายรัดพลาสติกอันดับหนึ่ง จำหน่ายสายรัดพลาสติก และเครื่องรัดกล่องคุณภาพสูง ในราคาที่ดีที่สุด พร้อมผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำในการเลือกสายรัดพลาสติกที่เหมาะกับการใช้งานของคุณ และเหมาะกับต้นทุนที่มีมากที่สุด เรามุ่งมั่นในการให้บริการอย่างเป็นมาตรฐาน พร้อมดูแลจัดส่งสินค้าอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมทั่วไทย มองหาสายรัดพลาสติก เครื่องรัดกล่อง ต้องที่ ทีเอ็นซี แพ็คกิ้ง!


 

สนใจเครื่องแพ็คกล่อง เครื่องรัดกล่อง สายรัดพลาสติก พร้อมบริการติดตั้ง 

ติดต่อ บริษัท ทีเอ็นซี แพ็คกิ้ง จำกัด
โทร : 08-9445-4013 , 09-6656-9369